วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2559



              DAY 2__15 มกราคม 2559


Taipei, ตลาดปลาไทเป (Taipei Fish Market 台北漁市),Elephant Hill

                            มาถึงวันที่ 2 ที่ไต้หวันกันแล้ว วันนี้จำได้ไหม เราบอกกับเจ้าของที่พักว่า ตี5 ครึ่ง เราจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นตามนัดหมาย แต่!!! อากาศหนาว + เพลีย จากเมื่อวาน + เช้าเราต้องรีบเตรียมตัวไปขึ้นรถกลับไปไทจงให้ทัน โดยรอบรถที่เราจะขึ้นคือ 08.25 น.

                          เราเลยเบี้ยวนัดที่จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นจนได้ T^T
                          จริงๆต้องบอกเลยว่า เราตัดสินใจนอนที่ Sun moon lake เพราะตั้งใจจะมาดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่ในความเป็นจริง มันไม่ใช่เลย 55555
                         เราก็นอนตัดสินใจอยู่นานนะ เสียงในหัวข้างหนึ่งบอกว่า ลุกเหอะ !!! ตั้งใจมาดูไม่ใช่หรอออ อีกเสียงก็ค้านซะลั่นหัวเลย บอกว่า อากาศมันหนาวนะ !! วันนี้ต้องเดินทาง แถมมีแพลนต้องขึ้นเขาช้างด้วย มันสูงนะ ต้องใช้แรงเยอะแน่ๆ.....สรุป เสียงที่ค้านซะลั่นหัวก็ชนะ

                         แต่ !!! เรารีบอาบน้ำแต่งตัวเก็บของแบบสุดๆๆๆ แล้วรีบวิ่งไปท่าเรือ เพื่อถ่ายรูป SML ยามเช้า  อันนี้เป็นภาพจากมุมหนึ่งที่เราเก็บมาได้ มีคนมาก่อนเราแต่เช้าเลยยย ^^ เช้านี้ฝนรินเล็กน้อยคะ


                                  จากนั้นเราก็รีบวิ่งๆๆๆ กลับไปที่พัก รีบเข้าห้องครัว หาอาหารเช้ากินนนน

เราจะพามาสำรวจห้องครัวที่พักเรากันดีกว่า > <
แอบมีคนมาก่อนเราาา เหมือนเขาจะเป็นแฟนกันด้วย แหะๆ


อันนี้เป็นโซนขนมปัง ส้ม น้ำต่างๆที่ไม่ใช่น้ำเปล่า ข้าวต้ม


อาวุธครบมือ ไม่ได้มีแค่ตะเกียบนะคะ  5555


อันนี้เป็นเครื่องเคียงที่เอาไว้กินกับข้าวต้มคะ


ถัดมาก็เป็นพวกเนยหวาน เนยถั่ว ช็อกโกแลต สตรอเบอรี่ ต่างๆที่เอาไว้กินกับขนมปัง


มาดูกันดีกว่าเช้านี้เรากินอะไร ^_^
เราเลือกเป็นข้าวต้ม ใส่เครื่องเคียง ที่เราใส่มามันเป็นเหมือนแตงกวาดอง หัวไชโป๊ อะไรไม่รู้คะมันหวานๆ น่าจะอารมณ์หมูหวาน (สีส้มๆ) ก็อร่อยดีนะคะ แล้วก็ไข่เค็มครึ่งฟอง
ที่คิดผิดพลาดแต่เช้าเลยคือ soy milk คะ เราเข้าใจว่าต้องเป็นน้ำเต้าหู้แน่ๆ แต่ไม่นะ !!!! มันเป็นน้ำนมถั่วเหลืองแบบถั่ววววววว เลยอ่ะ คือเหมือนกันน้ำต้มถั่วเหลืองแบบถั่ววว เลย ไม่รู้จะอธิบายยังไง 55555

สรุปข้าวต้มอร่อยคะ เราชอบ แต่ soy milk นี่คือกินไปแค่ครึ่งหนึ่งที่เติมมา (เติมมาครึ่งแก้ว) 
มันไม่อร่อยเลยยยยยยย น้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาลอร่อยกว่ามากก 5555


แอบกระซิบ เราแอบเอาขนมปังปิ้งกับครัวซองใส่ถุงเอาไปด้วย อิอิ
พอดีน้าเราเก็บของทีหลังเรา แล้วจะมากินก็ไม่ทันแล้ว เราเลยต้องแอบลักลอบใส่กระเป๋าไปให้ 555

ตอนนั้นเวลาประมาณ 08.25 น. แล้ว น้าเราก็ลงมาพอดี แต่ !! เวลารถจากที่นี่ไทจงมันมาแล้วนี่นาาาา แย่แล้ววว น้าเราคุยกับเจ้าของที่พักเรื่องเวลารถอยู่ เขาคิดว่ามีรอบ 08.40 น. อีกรอบ แต่ลืมไปว่าวันนี้ไม่ใช่วันหยุด (ถ้าวันหยุดมีแต่วันนี้ไม่มีคะ !!!) เจ้าของที่พักรีบบอกเรากับน้าว่า รีบไปเลยยย 555 เราสองคนก็รีบลากกระเป๋า บ๊ายบาย เขาแล้ววิ่งงงงงง 

แย่แล้วววว รถออกพอดีเรารีบโบกๆๆๆ เขาก็จอดเปิดกระจกให้เราก็ตะโกนกันว่า ไทจง ? ประมาณถามว่าไปไทจงใช่มั้ย ไม่รู้จะพูดยังไงตอนนั้น 555 เขาก็จอดแล้วลงมาเปิดประตูใส่กระเป่าใต้ท้องรถให้ 

คนขับใจดีสุดๆๆ อิอิ สรุปได้ขึ้นรถออกไปตอน 08.30 น. โดยประมาณคะ
อ้อ ไม่ใช่แค่เรามาช้า แอบมีรถมาจอดปาดหน้ารถบัส ขึ้นพร้อมเราด้วย 

ระหว่างทางจากที่ Sun moon lake ไปไทจง ซึ่งเราจะไปลงสถานีรถไฟความเร็วสูงไทจงหรือ Taichung THSR Station ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. นิดๆ คะ 

งั้นเรามาดูวิวระหว่างทางกันดีกว่า บรรยากาศดีเก็บมายังไงก็ไม่หมด นี่แค่บางส่วนเนอะ

อันนี้กำลังจะเข้า Puli คะ ถ้าใครจะไป chingjing farm ต้องมาต่อรถที่นี่คะ
chingjing farm ก็เป็นอีกที่คะที่เราเสียดายที่ไม่ได้ไป มันสวยมากจริงๆ T^T

แอบสังเกตมาคะว่า ที่นี่เขานิยมขี่รถป๊อปน้อยๆกัน แบบเก่าๆด้วยนะคะ รถใหม่ๆแทบไม่เห็นเลย



ระหว่างทางมีภูเขาเต็มไปหมดเลยคะ ทางไป SML อารมณ์ขึ้นรถไปสังขระบุรีเลย 555




ที่รู้สึกชอบที่นี่อีกอย่างคือ เขาจะไม่ทำลายภูเขาเพื่อทำถนนมากเกินไปคะ 
ถ้าต้องมีถนนตัดผ่านภูเขา เขาจะใช้วิธีทำอุโมงค์ลอดภูเขาเลย มีหลายลูกมากที่เป็นแบบนี้ แล้วมันก็ดูสวยเวลานั่งรถผ่าน มองละเพลินเลยคะ 
บางจุดก็เป็นอุโมงค์ยาว สั้นตามลักษณะของภูเขาเลย


มาถึงสถานีรถไฟความเร็วสูงกันแล้ววว 
ส่วนมาเขาจะเรียกกันว่า THSR คะ ย่อมาจาก TAIWAN HIGH SPEED RAIL 
ต้องบอกก่อนนะคะว่า เราสองคนจองตั๋วรถไฟมาจากที่ไทยเลย เพราะเรารู้มาว่า จองตั๋วออนไลน์ได้ส่วนลดคะ ^^
ค่ารถไฟ THSR นี้ จากสถานีไทจงไปไทเป ราคา 700 NT คะ แต่เราได้ส่วนลดจากการจองออนไลน์มา รวมสองคนเหลือประมาณ 1200 กว่าๆ NT คะ 
มาดูสถานีรถไฟที่นี่กันกว่า หรูและใหญ่มากเลย ชั้นล่างมี Starbucks KFC ร้านอาหารมากเลยคะ


วิธีแลกตั๋วก็ง่ายมากเลย แค่เราใส่รหัสที่เราจองแล้วชำระเงินแล้วที่ตู้ออกตั๋วอัตโนมัติ (จริงๆมีพนักงานทำให้เลยคะ) แค่นั้นเราก็ได้ตั๋วมาแล้ว
ของเราจองรถรอบ 11.03 ถึงไทเปเวลา 11.54 รถไฟเลขที่ 124 นั่งตู้ที่ 9 ที่นั่ง 2D กับ 2E คะ
ถ้าจองตั๋วล่วงหน้าจะเป็นที่นั่งแบบล็อกที่นะคะ ตู้แบบไม่ล็อกที่ก็มีคะ


จากนั้นเราก็มีดูว่าต้องขึ้นฝั่งไหน อะไรยังไง 555 แต่ ! เราก็ถามอีกแล้วคะ > <
เช็คความแน่ใจอีกครั้ง Train 0124 Platform 2 นะ ระวัง !! อย่าไปผิดน้าาา 


บนชานชาลาที่รอรถไฟมี Family Mart เล็กๆด้วยคะ แล้วเราก็ไปเจอของดี อิอิ


นี่คะ ใน Family Mart มีมันปิ้งด้วยยย ปกติเราชอบกินมันมากกกกกกกกกกกกกกก
ไม่ว่าจะมันม่วง ขาว เหลือง ของไทยปกติเรากินหมดดด

มาเจอแบบนี้ตอนอากาศหนาวๆด้วย อดใจไม่ไหว ต้องจัดมา 1 หัว คะ 5555


 นี่ ฟินเลยค่าาา 555 หัวนี้ราคา 20 NT เก็บไว้ก่อนคะยังไม่กิน > <


มาดูชานชาลาอีกฝั่งหนึ่งดีกว่า มีเวลาบอกด้วยคะ พอดีเรามาก่อนเวลาด้วย
เลขข้างบน ที่เห็นเป็นเลข 9 นั่นคือ ตู้ที่ 9 ของขบวนจะมาจอดตรงนี้คะ


ส่วนตรงจุดยืนรอเข้ารถไฟจะบอกว่า เลขที่นั่ง 1-9 ไปเข้าทางขวาคะ
ซึ่งตอนแรกเรางงมากและยืนผิด มายืนตรงนี้ จริงๆก็เข้าได้แต่อาจจะไกลต้องเดินหาหน่อย
แต่เราก็ย้ายไปต่อแถวตรงที่ลูกศรชี้คะ ที่นั่งเราแถว 2 เดินเข้าไปได้นั่งเลย ใกล้ประตูมาก



มาแล้วววว รถไฟมาแล้วค่าาา ตรงเวลามากกกกกกกก


ข้างในรถไฟความเร็วสูง (THSR) ข้างในที่นั่งคล้ายๆบนเครื่องบินเลยคะ


หลังจากนั่งรถไฟจากไทจง มาถึงไทเปแล้วว เวลาก็เป๊ะตามที่ระบุในตั๋วเลยคะ
แต่ !! พอออกจากสถานีรถไฟ THSR Taipei มาได้ งงคะ งงมากกกกกก
สถานี Taipei main station เป็นอะไรที่ใหญ่อลังการมากกกกก เราเดินหลงกันอยู่นานมากกกก
ตามแพลนเราคือ เราจะไปหาอาหารเที่ยงกินกันที่ ตลาดปลาไทเป คะ
เราเลยเลือกที่จะหาล็อกเกอร์ฝากกระเป๋าไว้ที่สถานีนี้คะ

มาดูทางเดินไปล็อกเกอร์คร่าวๆกันดีกว่า จริงๆเราแอบถ่ายไว้เพราะกลัวหลงตอนกลับมา กลัวจะหาล็อกเกอร์ที่เก็บกระเป๋าไม่เจอ เพราะมีค่อนข้างหลายที่ แต่จุดนี้เท่าที่เห็นจะเยอะที่สุดคะ

อันนี้เป็นส่วนหนึ่งในทางเดินไปล็อกเกอร์คะ


ถึงแล้ววววว ล็อกเกอร์เต็มไปหมดเลยยย


ล็อกเกอร์มีให้เลือกหลายขนาดเลยคะ ราคาก็ต่างกัน แต่หลักๆคือจะเป็นราคาต่อ 3 ชั่วโมง



เวลาจะใช้ก็กดเลขตู้ที่ต้องการจะใส่ของเข้าไปคะ ตู้ที่ว่างจะเป็นตัวเลขสีเขียว ตู้ที่ไม่ว่างก็เป็นสีแดง ตามจอที่แสดงเลยคะ

ส่วนการใช้ตู้หลักๆที่บอกคือ ตามขนาด โดยเราเลือกตู้ใหญ่คะ เพราะใส่กระเป๋าลาก 2 ใบเลย
ตู้ที่เราเลือกราคา 70 NT/ 3 hours คะ กดเลขตู้ ขณะที่กดก็ต้องกดปิดประตูตู้ไว้ด้วยนะคะ แล้วหยอดเหรียญ พอทำการเสร็จประตูตู้จะล็อก แล้วเราจะได้รหัสมาซึ่งมันจะมาเป็นสลิปออกมาให้เลยคะ (ถ้าจำไม่ผิดน้าา) แล้วก็มีเวลาบอกว่าเราเริ่มใช้กี่โมง

ถ้าเกิดว่าเราใช้เกิน 3 ชม. พอจะมาเปิดเอาของ เราก็ใส่รหัสที่ได้มาตอนแรก แล้วมันจะขึ้นจำนวนเงินให้เราหยอดเพิ่มคะถ้าเกิน 3 ชม. จากนั้นประตูตู้ล็อกเกอร์ถึงจะเปิดได้

ซึ่งเราก็ใช้เกิน 3 ชม.คะ หยอดเพิ่มไป แหะๆ


หลังจากเราเก็บกระเป๋าเรียบร้อย อันดับต่อไปคะ หาจุดขอใช้ Wifi !!!!
ที่เราจะไปหาคือ visitor information center ตอนนั้นรู้สึกเราจะอยู่ชั้น B2 แล้วเราก็เดินหลงไปชั้น B1 แล้วก็วนมาที่เดิม หลายรอบมากกกกกกกกกกกกก หมดพลังไปกับการเดินหลงในไทเปเมนนานมากกกกกก มาดูกันดีกว่าคะว่าทำไมเราถึงหลง !!!

มันใหญ่ซะขนาดนี้ !!!!


ลานตรงกลางมีคนนั่งกันเต็มเลยคะ มีวันหนึ่งเราเดินผ่าน นั่งกันมากกว่านี้อีก
ที่นี่ก็มีร้านอาหาร ร้านของฝาก มีห้างในนี้ด้วยนะคะ ใหญ่มากกกกกก



เจอแล้วววววววววว สิ่งที่เราเดินหามานานนนนนนนน
มันอยู่ชั้น 1F คะ ต้องขึ้นมาถึงจะเจอ แต่ที่เราหลงคืออยู่ใต้ดิน - -"
ซึ่งใต้ดินเขามีหลายชั้นไปอีกกกกก หลงจนเดินเมื่อยเลยล่ะ


การขอใช้ Wifi ใน ไต้หวันนะคะ ขอได้ 2 ที่คือ ที่สนามบิน และที่นี่คะ Taipei main station
แค่เอาพาสปอร์ตยื่นให้พนักงานคะ เขาก็จะใช้เลขพาสปอร์ตเราเป็น ID แล้วก็พาสเวิดเขาให้มาคะ

ลองหาจุดเชื่อมต่อละ ใช้ได้เลยคะ ^^ แต่สรุปเราใช้ไม่คุ้มกับที่เดินหาขาลากเลย เสียใจจจจ T^T



อันเนื่องจากเดินหาจุดขอใช้ Wifi นานมากกกกกกกก เป็นชั่วโมง จนเลยเที่ยงไปแล้วด้วย หิวคะหิววววว เราเลยควักมันปิ้งที่ซื้อไว้มากิน กินมันที่นี่แหละ 5555

มันอร่อยมากกกกกก หวานสุดๆๆๆๆๆๆ ถ้ากินตอนอุ่นๆจะฟินกว่านี้มากกกก


จากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปหาของกินกันนนนน
เริ่มต้นการเดินทางในไทเปของเราสองคน หลักๆก็ตามเส้นทางของรถไฟฟ้าคะ จากที่อ่านตามรีวิวมามากมาย แผนที่อันนี้โอเคมากเลยคะ ระบุว่าขึ้นสถานีนี้ไปลงสถานีนี้จะไปที่ไหนได้บ้าง หรือจะต่อรถไปที่ไหนอีกได้บ้าง อันนี้ดีมากเลยคะ (เจอมาจากไหนจำไม่ได้แล้วอ่าาา)

แต่หลักๆ ที่ดูกันก็คือ แผนที่รถไฟฟ้าที่เป็นโบว์ชัวจากสถานีต่างๆคะ เขาจะมีให้หยิบฟรี มีแล้วชีวิตดีเลยแหละ เราก็เอามาติดตัวไว้ตลอดเลย 5555


                    การเดินทางไปตลาดปลา นั่งรถไฟฟ้าไปสถานี zhongshan (จงชานสายสีแดง จากนั้นจะเลือกเดินต่ออีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร หรือจะนั่งแท็กซี่ก็ได้คะ แต่เราเลือกนั่งแท็กซี่ไปเพราะตอนนั้นฝนตกนิดๆ แล้วก็ล้าจากการเดินหลงในไทเปเมนมาพอสมควร เหอะๆ 

                ค่าแท็กซี่แพงมากกกกกกก มิเตอร์เริ่มต้นที่ 70 เหรียญ (ระยะทางที่อ่านรีวิวมาเขาบอกประมาณ 1.5 กิโลเมตรนี่นาาา แต่เราว่ามันมากกว่ายังไงไม่รู้อ่า อาจจะประมาณ 2-3 กิโลโดยประมาณ ไม่แน่ใจคะ) โดนค่าแท็กซี่ไป 90 เหรียญ ไปกลับตลาดปลากับสถานีรถไฟฟ้า 180 เหรียญ อยู่ที่ประมาณ 200 บาท T^T

               อ้อ !!! ที่เราแปลกใจคือ สายสีแดงที่เราขึ้นมาตลาดปลาเป็นรถไฟฟ้า MRT (ส่วนใหญ่ที่นี่ก็จะเป็น MRT คือ รถไฟใต้ดิน อ่าคะ) พอขึ้นมาจากสถานีรถไฟฟ้า โผล่ออกมาคือ ตึก คะ ตึกสูงมากกกกกก ประมาณว่าเป็นสถานีรถไฟอยู่ใต้ดิน แล้วเขาก็สร้างตึกทับสถานีนี้เลยอ่ะ แบบงงมาก ผังเมืองเขาดีจริงงงงง คะ แล้วตึกนี้ก็สูงประมาณมากกว่า 20 ชั้น เลยล่ะคะ
              แต่บางสถานีก็แยกออกมา ส่วนมากก็คือตรงบริเวณแถวๆ สี่แยกไฟฟ้าซะส่วนใหญ่

ตลาดปลาไทเป ที่นี่ขึ้นชื่อพอสมควร อาหารเยอะมากกกกกกก ราคาย่อมเยาสุดๆๆๆ

ไม่พูดยาว มาดูกันเลยดีกว่าาาา ตั้งแต่ทางเข้าคะ















อาหารที่เป็นเหมือนข้าวราดแกงก็มีคะ แต่เราว่ามาทั้งที กินอาหารทะเลดีกว่า สดมากกกกกก












ถ้าเป็นกุ้งใหญ่ๆๆๆ ปู จะค่อนข้างแพงหน่อยคะ







มาแอบดูของหวานกันหน่อยยยยยย ถ่ายมาแค่บางส่วนนะคะ



 หลังจากเลือกเสร็จ ก็มาจ่ายเงินคะ เขาก็จะให้น้ำจิ้มเรามา 1 กระปุกเล็กๆ แล้วก็มีตะเกียบกับช้อนวางไว้ให้พร้อมถาด เราก็หยิบมาเลยยย
ที่กินก็คือ เขาจะมีโต๊ะจัดไว้ให้ข้างนอกคะ แล้วก็ยืนแกะกล่องกินกันเลย ไม่มีที่นั่งนะคะ ฮาร์ดคอร์ไปอีกกกก 5555
อ้อ !!! กินเสร็จต้องเก็บทิ้งถังขยะด้วยน้าา เขามีก๊อกน้ำให้ล้างมือด้วย แอบเห็นคนอื่นที่มีกุ้ง มีปู แทะกัน มือจัดเต็มมาก 5555

อันนี้เป็นสิ่งที่เราเลือกมากินกันคะ สำหรับ 2 คน
เราเอาข้าวม้วนมีไส้ต่างๆ ราคา 160 NT แซลมอน 240 NT แล้วก็ปลาซาบะ 1 ตัว 30 NT คะ

ปลาซาบะย่าง ตัวเล็กๆคะ ไม่มีภาพตอนแกะแล้ว
แซลมอน สดดีคะ อร่อย ฟินนนนน
ข้าวม้วน ก็อร่อยดี แต่รู้สึกไม่สดใหม่ เหมือนเขาทำแพคแล้วแช่ไว้อ่าคะ ไม่ใช่ทำเสร็จแล้วเอามาให้เรากินเลยแบบนั้น

แล้วเราก็กินกันไม่หมดคะ 555 แต่เราต้องประหยัด !!! เก็บไว้ กินมื้อต่อไปปปป


ต่อมาเราก็ขึ้นรถไฟฟ้ากลับไปเอากระเป๋าที่ล็อกเกอร์ เวลาตอน นั้นก็บ่าย 3 โมงกว่าเกือบ 4 โมงแล้ว เราเลยมุ่งหน้าไปที่พักกันเลยคะ

ที่พักของเราตั้งแต่คืนนี้ จนถึงคืนที่จะกลับ ก็คือ จริงๆเราจะจองที่พัก 2 คืนแล้วไปนอนสนามบินต่อก่อนขึ้นเครื่องกลับ แต่ถ้าเราจองที่พักแค่ 2 คืน คือวันที่ 15 16 วันที่ 17 เราต้องเช็คเอาท์ตั้งแต่ 11.00 น. เราจะต้องลากกระเป๋าเร่ร่อนอยู่ในเมืองแน่ๆ น้าเราเลยตัดสินใจจองที่พักไป 3 คืน คือ 15 16 และ 17 คะ แล้วเราก็เช็คเอาท์วันที่ 17 ตอนดึกๆเอา เพื่อจะได้กลับมาอาบน้ำ มีที่เก็บของแบบปลอดภัย แล้วก็เตรียมตัวไปสนามบินได้คะ

ที่พักในไทเปของเราคือ Next Taipei Hostel คะ
ใช่แล้วววว เราเลือกพักแบบ Hostel เพราะประหยัดคะ และตามวิถี backpacker 5555555
ที่พักนี้ตั้งอยู่ที่ซีเหมินติงคะ เป็นย่านวัยรุ่นเลย อารมณ์สยามสแควร์บ้านเรา

                             การเดินทางมาก็ไม่ยากเลยคะ MRT สายสีน้ำเงิน สถานี Ximen ทางออก Exit 6 คะ เดินตรงอย่างเดียว เจอแยกที่มีไก่ทอด Hotstar อยู่หัวมุมซ้าย ตรงไปอีกนิด จะเจอตึก international hair salon อะไรสักอย่าง ที่มีตัว AT ใหญ่ๆ เข้าไปเลยคะ ขึ้นลิฟต์กดชั้น 9 ลิฟต์เปิด ก้าวเท้าออกไปเป็นโฮสเทลเลย

เราเลือกแบบเตียงที่นอนคู่คะ เพราะมันถูกกว่าแบบแยกนอนในล็อกคนเดียว คือตอนแรกแอบคิดว่า มันต้องเป็นอารมณ์แบบ เขานอนกันเป็นตู้ๆ ล็อกๆ สำหรับคนที่มาคนเดียว แต่เตียงคู่ที่เราเลือกต้องเป็นแบบ เตียงเดียวตั้งอยู่มุมใดในห้องแล้วแบบโล่งแจ้งแน่ๆ (แอบเตรียมที่ปิดตาอุดหูมา กลัวนอนไม่หลับ 5555)

สำหรับคนที่ไม่รู้ ที่พักแบบโฮสเทล คือ มีห้องแบบหญิงล้วน ชายล้วน และแบบรวมคะ เลือกได้ว่าจะนอนแบบเป็นล็อค หรือแบบคู่คะ ห้องเดี่ยวๆก็เหมือนจะมีนะคะ แล้วแต่ที่ ราคาก็ขึ้นตามความเป็นส่วนตัวคะ ถ้าแยกห้องไม่รวมกับใครก็แพงหน่อย ใกล้เคียงกับโรงแรมบางที่เลยคะ ห้องน้ำก็เป็นห้องน้ำรวม แยกชาย-หญิง นะคะ มีห้องครัว ตู้เย็น และพื้นที่ส่วนรวม (อย่างที่พักนี้จะมีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะให้ 1 ชุดคะ ตรงบริเวณที่นั่งเล่น เดี๋ยวจะมีรูปมาให้ดูน้าาา ^^ )

พอมาเช็คอินแล้วเจ้าของที่พักก็พาเดินแนะนำคะว่า มาถึงต้องถอดรองเท้าเปลี่ยนเป็นรองเท้าที่ใส่ในโฮสเทลก่อนนะคะ ตรงนี้ห้องน้ำนะ ชั้น 2 จะเป็นห้องครัว มีที่นั่งเล่น มีนู่นนี่ แล้วก็ห้องนอนคะ ที่เราคิดไว้กับความเป็นจริงคือ ที่พักที่นี่ดีกว่าที่คิดไว้มากกกกกกกกกก

ที่นอนของเราเป็นโซนแยกออกมาเลยคะ กว้างกว่าแบบล็อก มีพื้นที่ส่วนตัวนิดนึง ในห้องจะมีล็อกเกอร์ให้คะ สามารถตั้งรหัสเองได้เลย (เขาจะสอนใช้คะ) จะมีผ้าใบกั้นแบบรูดเชือกเปิดปิดได้คะ เป็นที่กั้นแทนประตูนะ

มาดูที่พักกันเลยละกันเนอะ
ห้องพักเราเป็นห้อง B จะได้บัตรแบบนี้มา 1 ใบ เพื่อเอาไว้แปะเปิดประตูเข้าห้อง B คะ

ตรงทางเดินมีบอกห้องตรงเพดานด้วยยย


ในส่วนของห้องนอน เปิดประตูมาก็จะเจอที่นอนที่เป็นแบบล็อกๆ สำหรับคนที่มาพักคนเดียว มีล็อกเกอร์ แล้วก็พื้นที่ว่าง วางกระเป๋าของคนที่นอนแบบล็อกๆ คะ



อันนี้เป็นส่วนที่เรานอนกันคะ เป็นที่นอนปูพื้นหมดนะคะไม่มีเตียง แต่นิ่มนอนกำลังสบายเลยคะ ที่ดีส่วนที่เรานอนกันคือ มีพื้นที่ปลายเท้าให้วางของได้ แล้วก็มีกระจกเล็กๆเปิดได้ด้วยคะ


อันนี้เป็นพื้นที่ตรงปลายเท้าคะ เราก็เอากระเป๋าวางกันตรงบริเวณนี้เลย เปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นส่วนตัวกว่าแบบนอนเป็นล็อก เขาจะไม่มีพื้นที่ในส่วนนี้เลย


มองจากที่เรานอนออกมาเปิดผ้าใบจะเจอแบบนี้คะ (เรายังไม่ได้เก็บกระเป๋า แหะๆ > <")


ห้องนอนจะอยู่ช้านล่าง พอขึ้นบันไดมา ก็จะเป็นแบบนี้คะ


มีที่นั่งเล่น มีคอมพิวเตอร์ให้


มีส่วนของครัว ไมโครเวฟ ตู้เย็น อุปกรณ์ทำครัวครบครัน ของส่วนรวมคะ



มีตู้ทำกาแฟสด และชาคะ ต้องหยอดเหรียญ ครั้งละ 10 NT
มีแก้ว ช้อน แล้วก็พวกน้ำตาล คาราเมล นม ที่เอาไว้ผสมเติมได้คะ



 อันนี้จะเป็นส่วนที่นั่งเล่นอีกส่วน


มีโพสอิทแปะเต็มไปหมดเลยย ส่วนมากก็เป็นของคนที่เคยมาพักคะ หลายภาษาจริงๆ


ยังไม่หมดวันค่าาาา เรายังต้องไปปีนเขาช้างกันนนน

การเดินทางไปเขาช้างก็ง่ายๆเลยย แค่นั่ง MRT ลงสถานี Xiangshan (เชี่ยงซาน สายสีแดงสุดสายเลยคะ ดูดีๆน้าาา ว่าสุดสายฝั่งไหน) ออก exit 2 จากนั้นก็เดินตามทางเลยคะ จะมีป้ายบอก เดินอีกประมาณเกือบๆ 1 กิโล หรือกว่านิดๆ คะ มีทางขึ้นเนินด้วยนะ

ตอนที่เราไปก็ประมาณ 5 หรือ 6 โมงเย็นแล้วนี่แหละคะ ค่อนข้างมืดแล้ว แต่เราตั้งใจจะไปวันนี้ เราต้องไปให้ได้คะ ฝนก็ตกนิดๆ อากาศก็เย็นๆ โชคดีที่มีคนเดินไปทางเดียวกับเรา ไปขึ้นเขาเหมือนกันเลยยย

ถึงแล้วค่าา ทางขึ้นเขาช้างงง เราจะไปดูวิวไทเปยามค่ำคืนกันนะ ^^




นี่คะ เจาบอกว่าใช้เวลาขึ้นประมาณ 20 นาที คิดเอาละกันว่าสูงแค่ไหน 5555


ฝนก็ตกปอยๆ อากาศก็เย็นแบบชื้นๆ เพราะเป็นภูเขา สองข้างทางบันไดก็มืด มีไฟเป็นระยะๆคะ แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่เราตั้งใจจะต้องดูวิวไทเปวันนี้ให้ได้ ฮึบบบบ !!! กัดฟันเดินต่อไปปปป

บอกตรงๆว่าเราสองคนท้อกันหลายครั้งมาก มันทำท่าเหมือนจะถึงแล้ว แต่มันก็ยังไม่ถึงสักที แต่เรามาขนาดนี้แล้ว ถอยไม่ได้นะ !!! เดินต่อออออออ

ถึงจริงๆแล้วคะ ถึงจริงๆๆๆๆๆ
จุดที่เรายืนดูวิวจริงๆมันยังไม่สูงสุดนะคะ ยังขึ้นต่อไปได้อีก อ่านป้ายมาเขาบอกใช้เวลาอีกประมาณ 15 นาทีกว่าๆ มั้งนะคะ ถ้าจำไม่ผิด แต่เราสองคนน่ะหรอคะ บ๊ายยยยยยย !!!! 55555 ไม่ไหวแล้วววววว แบกสังขารมาถึงนี่ได้ก็แทบตายเลย 

มาดูวิวกันดีกว่าาาา มันสวยแค่ไหน ที่เอามาให้ดูกันเป็นภาพจากหลายๆมุมนะคะ ^^




จุดที่ยืนให้ถ่ายรูปก็จะเป็นแบบนี้คะ


จุดที่เรายืนกันตรงนี้ เราเดินขึ้นบันไดมาทั้งหมด 657 ขั้น คะ อาจจะนับพลาดไปบวกลบไม่เกิน 5 ขั้นได้ อันนี้เป็นแค่บันไดนะคะ มันยังมีทางเดินราบให้เราเดินอีก ไม่รุ้จะโหดไปไหนนนน 

ทางเดินก็เป็นหินวางเป็นบันไดให้คะ มีราวให้เกาะตลอดทาง เราก็เกาะเดินขึ้นมาตลอด แทบเป็นลม เหอะๆ 

นี่เป็นทางเดินคะ อุดมสมบูรณ์สุดๆ แอบหลอนนิดๆด้วย ถ้ามาคนเดียวคงไม่มาแน่นอนคะ 55555



และนี่ก็เป็นทางเดินไปทางขึ้นเขาคะ เป็นเนินมาแต่ไกลเลยยย เห็นตึกไทเป 101 ด้วย 


ยังไม่พอคะ วันนี้จะทรหดกันอะไรขนาดนี้ เรายังคงมีแผนต่อคะ จริงๆตอนแรกเราจะไปตลาดกลางคืนกงก่วน แต่ไม่ไปละ เปลี่ยนมาเป็น ไปห้าง SOGO แทน แหะๆ

เขาว่ากันว่า รองเท้า Onitsuka tiger ที่ไต้หวันถูกกว่าบ้านเรามากกกกกกกกกกกก

ห้าง SOGO เป็นห้างของญี่ปุ่นคะ มั่นใจได้แน่นอนว่าเป็นของแท้ และแถม Tax refund ได้ด้วย (ขอคืนภาษีได้นั่นละคะ อิอิ กรณีซื้อเกิน 2,000 NT นะคะ จากเมื่อก่อนต้อง 3,000 NT คะ)


แต่วันนี้เราแค่จะมาเซอเวย์เฉยๆ แหะๆ มาดูว่ารองเท้าที่นี่ราคาเท่าไร มีอะไร sale บ้าง อารมณ์ก็เหมือนๆ ห้างบ้านเราคะ พวก central world PARAGON ทำนองนั้น มีของแบรนด์เต็มไปหมดเลย

จากนั้นเราก็ขึ้น MRT กลับไปหาอะไรกินที่ตลาดซีเหมินติงดีกว่า แถวที่พักเราเลยสะดวกสบาย

บรรยากาศก็จะเป็นแบบนี้คะ คนเยอะ ครึกครื้นมาก กลางวันก็มีบางร้านเปิดบ้างสายๆหรือบ่ายๆ มีคนมาเดินบ้าง แต่คิดว่ากลางคืนคนเยอะกว่าคะ ตอนนั้นฝนก็ยังคงตกปอยๆ อากาศก็ยังคงเย็นอยู่นะ






เราตั้งใจไว้ว่าวันนี้เราจะกิน ไก่ทอด Hotstar คะ ที่ไทยเราก็ไม่เคยกิน แหะๆ เลยไม่รู้ว่าต่างกันมั้ย แต่เห็นคนที่เคยกินที่ไทยด้วยที่นี่ด้วย เขาว่ากันว่ารสชาติเหมือนกันเด๊ะเลยล่ะ

ก่อนไปกินไก่ เดินผ่านร้านไอศกรีม เห็นตั้งแต่กลางวันละคะ อดใจไม่ไหว ต้องจัดดดด
หนาวมั้ย หนาวววว แต่ก็ กินคะ 5555 แท่งนี้แบบ small คะ ราคา 25 ์NT


มากินไก่กันดีกว่าาาา


มีน้ำขายด้วยคะ ตอนสั่งจ่ายเงินเขาให้บิลที่เอาไปซื้อออกแนวเหมือนเป็นส่วนลดน้ำได้ด้วยมั้งคะ แต่คุยกับเขาไม่รู้เรื่องเลยไม่ได้ไปสั่งกิน - -"


เมนูคะ เราก็จิ้มๆ เอา 555 
ไก่ทอดชิ้นยักษ์ ราคา 70 ์NT เองงง หรือประมาณ 78 บาท ที่ไทยร้อยกว่าเลยได้ข่าว แหะๆ


เราจัดไก่ทอดกับเฟรนฟายมาอย่างละ 1 คะ อิอิ
ไก่เขาจะถามว่าโรยผง spicy มั้ย เราก็บอกโรยมา ส่วนเฟรนฟายราคา 50 เหรียญคะ


อาหารเย็นของเราวันนี้ มิกซ์คะ 5555 ที่เหลือจากกลางวันที่ตลาดปลาและของที่ซื้อมาเมื่อกี้
ไก่ทอด บางรีวิวก็ว่าไม่อร่อย คนไทยกินที่ไทยบางคนก็ว่าไม่อร่อย แต่เราว่าก็อร่อยดีนะ 555
กินตอนหนาวๆ ไก่ชิ้นใหญ่มากกก มันก็อุ่นๆ โอเคเลยล่ะ ^^
แต่สุดท้ายก็กินไม่หมดอีกคะ ที่เหลือจากตลาดปลากินไม่หมด ยัดใส่ตู้เย็นไปตามระเบียบ




อ้อ !! เราไม่ได้ถ่ายรูปห้องน้ำที่พักมาให้ ห้องน้ำหญิงจะมีห้องส้วม 3-4 ห้องนี่แหละคะ จำไม่ค่อยได้ แล้วห้องอาบน้ำก็มีประมาณ 6 ห้องนะคะ มีไดร์เป่าผมให้ แต่เราพลาดมากกกก หาไม่เจอค่าาา 5555
มีอ่างล้างหน้า 2 ฝั่ง ประมาณ 8 อ่าง มีชั้นให้วางของในห้องน้ำได้

สำหรับวันนี้ก็หมดไปอีกหนึ่งวันกับการเดินทางที่เหนื่อยสุดพลัง ปวดเท้าไปหมด แม้ว่ารองเท้าจะนุ่มนิ่มแล้วก็ตาม
และวันนี้เราทำได้ไม่ตามเป้าหมายคะ เรากะว่าจะไปตึกไทเป 101 ด้วยแต่ก็ไม่ได้ไปเพราะเวลามันไม่ทันจริงๆ เข้าเมืองมาทำให้รู้ว่า เราควบคุมเวลากันยากมากเลยคะ ไม่เหมือนเที่ยวต่างจังหวัด เราชอบกว่าเยอะเลยย นี่ต้องเสียเวลาเดินหลงบ้าง รถติดบ้าง (ไม่มากเท่าที่กรุงเทพคะ 5555) 

วันที่ 3 เราจะพาไปเที่ยวไหนบ้าง เราจะเจออะไรบ้าง ติดตามกันต่อไปน้าาา ^^

สำหรับชีวิตในไต้หวันวันที่ 2 ขอจบเพียงเท่านี้ บ๊ายบายยยยยยย 


** DAY 3 Coming Soon **